หุ้น Apple เปิดปีใหม่ 2024 มาด้วยการตกลงไปกว่า 5% น่าจะเป็นการเริ่มปีที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1982 หรือในรอบ 42 ปีเลยทีเดียว
สิ่งที่นักลงทุนและแฟนๆ สาวก Apple จับตามอง และรู้สึกเป็นปมเล็กๆของปีก่อนคือ โลก AI ทำไมมันมีแต่ข่าว Microsoft กับ Google
ทั้ง OpenAI, Copilot, Bard, Gemini เรียกว่ายึดหัวข้อข่าวด้านเทคโนโลยีกันตลอดทั้งปี
ส่วน Apple มีข่าวที่ฮือฮาอยู่เรื่องเดียว คือ Apple Vision Pro นอกนั้นกระแส iPhone 15, iPad , MacBook ก็เรียกว่า ตกต่ำ ไม่แรง ไม่สร้างความตื่นเต้น และหมดความขลังไปแล้ว
ส่งผลให้บัลลังก์ที่ยึดแชมป์หุ้น Market Cap สูงสุดมาอย่างยาวนานของ Apple เริ่มสั่นคลอนเป็นครั้งแรก
โดน Microsoft แซงหน้าได้ แม้ว่าในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา หุ้น Apple จะโตกว่า 50% แต่ก็ถือว่าล้าหลังบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับ AI เช่น Nvidia, Amazon, Microsoft และ Alphabet
แต่ว่ากันตามความเป็นจริง Apple ไม่ถือว่าตกขบวน AI กันอย่างที่คนทั่วไปเข้าใจ แต่มันอาจจะเป็น Apple เอง ที่ไม่ได้ใช้คำว่า AI แต่กลับเรียกสิ่งนี้ว่า Machine Learning และมีการนำมาใช้ตั้งแต่ iOS 10 (ปี 2016 หรือ 8 ปี แล้ว ก่อนคนอื่นนานพอสมควร)
เริ่มต้นจากผสมผสานเข้าไปกับฟังก์ชั่นของ AR (ที่พยายามผลักดันมากๆตอนเริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน) และมาเอาจริงสุดใน iOS 11 ที่มี CoreML ใส่เข้าไป ให้นักพัฒนาเทรนโมเดล Machine Learning ของตัวเองลงไปในแอปได้
นับว่าล้ำอยู่พอสมควรครับในตอนนั้น
ว่ากันว่า ในงาน Earnings Calls สำหรับนักลงทุน Apple มีพูดคำว่า AI ออกมาเพียง 10 ครั้ง เมื่อเทียบกับ Amazon (50 ครั้ง), Microsoft (70 ครั้ง) และ Google ที่พูดคำว่า AI ออกมา กัน 90 ครั้ง
จึงไม่แปลกที่นักลงทุนตั้งคำถามว่า Apple ตกรถ AI ไปแล้วเหรอ
แต่ความจริงไม่ได้เป็นแบบนั้นซะทีเดียว
Apple ตกเทรน Generative AI อันนี้เรื่องจริง นอกจากข่าวลือว่าคนภายในกำลังพัฒนาโมเดล LLM ของตัวเองชื่อ "Ajax" หรือชื่อเล่นว่า AppleGPT โดยรันด้วยพารามิเตอร์กว่า 200,000 ล้านพารามิเตอร์ และยังอยู่ในขั้นตอนการทดลอง
นอกจากนี้ Apple ก็ไม่มีข่าวอะไรอีกเลยเกี่ยวกับ AI แถม Siri ที่เคยเป็นพระเอกเมื่อหลายปีก่อน ก็ไร้วี่แววว่าจะถูกอัพเกรดให้ฉลาดล้ำขึ้น ไปสู้กับ ChatGPT ได้ จนกระทั่งมีการจัดงาน AI Summit ภายใน และพูดถึงเรื่อง Smarter Siri
สิ่งที่ Apple กำลังทำอยู่ตอนนี้ เรียกว่า "Edge AI" หรือการนำ AI ฝังตัวเข้าไปในอุปกรณ์ทุกอย่างที่ตัวเองมี
ใครที่ติดตามข่าว CES 2024 คงทราบดีว่า อุปกรณ์ไฮเทคในงานล้วนมีคำว่า AI แปะเข้าไป และใส่ฟังก์ชั่น AI เป็นจุดขายทั้งนั้น
Edge AI หรือ Device AI ของ Apple กำลังถูกพัฒนาให้เก่ง ฉลาด และทรงพลังเหมือน โมเดล GPT ของ OpenAI
แต่แทนที่จะรันอยู่บนระบบ Cloud แบบคนอื่น Apple ก็จะทำให้มันรันอยู่บน iPhone, iPad, Apple Watch ได้เลย
เริ่มฟังดูเจ๋งขึ้นบ้างแล้วยังครับ 555
Edge AI จะกลายเป็นหัวใจหลักของอุปกรณ์ต่างๆที่จะออกในปีนี้ จุดขายของมัน คือ เร็วกว่า เพราะรันบนเครื่องเราเลย ไม่ใช่ Cloud ไม่มีค้าง ช้า กว่าจะประมวลผลออกมาได้
มีความ Personalized กว่า เพราะขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่เราใช้แต่ละคน และ ปลอดภัยกว่าเพราะไม่ได้แชร์ข้อมูลเราหรือเอาข้อมูลส่วนตัวเราไปเทรน AI
แต่ความฉลาดอาจจะไม่เท่า เพราะข้อมูลที่ใช้เทรนน้อยกว่า จาก privacy concern ที่ Apple ให้ความสำคัญมาก ในการเอาข้อมูลการใช้งานส่วนตัวของผู้ใช้ไปเทรน
Edge AI ถูกซุ่มพัฒนา
การเกิดขึ้นของ Edge AI ยังอยู่ในวงแคบๆ คนทั่วไปไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ อาจทำให้คนมองข้าม Apple ไป แต่ Apple เองก็ซุ่มอยู่แบบเงียบๆ เช่น
- Apple จับมือกับมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ปล่อยตัว multimodal LLM แบบ Opensource ชื่อว่า Ferret เมื่อเดือนตุลาคม 2023 ซึ่ง MLLM ตัวนี้เป็น on-device LLM คือรันโมเดลได้บนอุปกรณ์เลย ไม่ต้องใช้ Cloud แต่เป็นข่าวที่เงียบมาก ไม่ค่อยมีคนสนใจ
- มีการพัฒนาให้ใช้ LLM ได้บนอุปกรณ์ที่มีหน่วยความจำจำกัดและเก็บข้อมูลอยู่บน Flash Memory
- จนกระทั่งบริษัท startup สัญชาติ ฝรั่งเศส ชื่อ Mistral ได้ออกโมเดล LLM ตัวนึง ที่รันบนเครื่อง Mac ที่ใช้ CPU M2 และได้ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ GPT3.5 ของ OpenAI คนที่ติดตามด้าน AI จึงเริ่มปะติดปะต่อภาพได้ว่า แนวทางนี้ มีความเป็นไปได้ว่าจะถูกบริษัทอย่าง Apple เอาไปใช้งาน
- เริ่มมีคนสนใจเยอะขึ้นจากการที่ Google จะเอาโมเดล Gemini ใส่ในมือถือ Pixel Pro
- จากนั้น Apple ก็เริ่มปล่อยงานวิจัยด้าน AI บนอุปกรณ์ ที่ชื่อว่า HUGS ซึ่งเป็นการสร้าง 3D Avatar เข้าไปในวิดีโอ โดยใช้อุปกรณ์อย่าง iPhone และ iPad ซึ่งเร็วกว่าการสร้าง 3D Avatar แบบเดิม ที่เรียกว่า NeuMan ถึง 100 เท่า
- มีการรันโมเดล LLM ด้วยพารามิเตอร์หลักพันล้านบนอุปกรณ์อย่าง iPhone และทำงานได้ดี
งานวิจัยอ้างอิง หัวข้อ “LLM in a flash”
นี่เป็นแค่ข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ แสดงให้เห็นว่า Apple มีการซุ่มทำ Edge AI อยู่แบบเงียบๆ
การที่ Apple ควบคุมทุกอย่าง
- ทั้ง Hardware อย่าง มือถือ แทบเล็ต คอมพิวเตอร์ นาฬิกา หูฟัง
- Software พวก OS ต่างๆ อย่าง iOS, iPad OS, MacOS , WatchOS, tvOS
- ตัวชิปทั้งหลาย (Apple Silicon ทั้งตระกูล M, ตระกูล A) ,
- ชิปเซ็ตอื่นๆ (เช่นพวกที่คุมการถ่ายรูป การประมวลผลคำสั่ง Machine Learning)
- รวมถึงบริการต่างๆ เช่น iCloud, iWorks, Apple TV+, Apple Music และ
- SDK ที่นักพัฒนาเอาไปใช้ได้เลย
น่าจะเป็นจุดที่สร้างความแตกต่างจาก GenAI ของคู่แข่งได้
นักวิเคราะห์ต่างๆ คาดว่า Apple จะกลับมายิ่งใหญ่ด้าน AI ได้ในมุมนี้ เพราะ Ecosystem แข็งแรงมากทั้ง Hardware และ Software ซึ่งเราน่าจะได้เห็นกันจริงจัง ในการเปิดตัว iPhone 16 ปลายปี (นานอยู่นะ 55)
New York Times ฟ้อง Microsoft และ OpenAI ในข้อกล่าวหาที่เอาเนื้อหา บทความ ข่าาวไปเทรน AI ของตัวเอง
แต่ Apple ใช้วิธีเดินเกม แบบเดินหน้า คุยกับ Publisher รายใหญ่ต่างๆด้วยตัวเอง ไม่ต้องเสี่ยงโดนฟ้องร้อง
หน่วยงานที่เป็นผู้คุมกฏต่างๆ ทั้งในยุโรป อังกฤษ และอเมริกา ต่างพุ่งเป้ามาที่ OpenAI ในการควบคุมเนื้อหา ความถูกต้องของข้อมูล และการนำไปใช้
Apple เฝ้าสังเกตุการณ์ รอดูว่าเรื่อง GenAI จะถูกหน่วยงานต่างๆ เข้ามาควบคุมแทรกแซงแค่ไหน
อีกสิ่งที่ Apple ทำแบบเงียบๆ ไม่กระโตกกระตากมาก คือ Apple Watch ที่มันกลายเป็น Health Device ที่คนใช้เยอะสุดในโลกตอนนี้ ก็จะถูกอัดฟังก์ชั่น AI เพิ่มเข้าไปเช่นกัน
สาวกอย่างเรา มีความหวัง และพอจะยืดอกขึ้นมาได้ซักที
มารอดูกันว่า กลยุทธ์ มาทีหลังแต่ดีกว่า ที่ Apple ใช้มาตลอดในยุค Tim Cook จะได้ผลดีอย่างที่ตั้งใจไว้มั้ย
ความเห็นของ Insiderly.ai
- ปีนี้ AI ของ Apple น่าจะเปิดตัวทั้งแผง และน่าจะ powerful ไม่แพ้ ChatGPT เลย อาจจะแพ้ความรอบรู้ ความกว้าง แต่ชนะด้วยความเร็ว ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัว
- ยังเกิด Mass Adoption ได้เร็วด้วย ถ้าดูจากจำนวนอุปกรณ์ของ Apple ที่มีในตลาด ทุก category รวมกัน
- กลยุทธ์ด้าน AI ของ Apple คือ มาช้า แต่ดีสุด โดยการเน้นโฟกัสไปในจุดแข็งของตัวเอง คือ Ecosystem โดยไม่ได้ตามเกมที่คนอื่นกำลังแข่งขันกันอยู่ (ส่วนจะสำเร็จรึเปล่าต้องรอดู)
- ยังมี Apple Vision Pro ที่เริ่มวางขาย และ feedback ดีมากๆอีก มีโอกาสที่จะผสาน AR/VR/XR ไปสู่ Metaverse สไตล์ Apple ซึ่งเมื่อรวมเข้ากับ Edge AI น่าจะเกิด application เกี่ยวกับ Metaverse และ AI ออกมา ซึ่งไม่มีคนทำมาก่อน
- เป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจและน่าจับตามองมากๆ